รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับฟันเขี้ยว
เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ต้องเคยเห็นบางคนที่ยิ้มแล้วเห็นฟันเขี้ยวอย่างชัดเจน สำหรับบางคนแล้วอาจมองว่าเป็นเสน่ห์ที่ชวนดึงดูดใจ แต่บางคนกลับรู้สึกว่ามันดูแปลก ๆ ไปสักหน่อย วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับฟันเขี้ยวกันให้มากขึ้น พร้อมทั้งหน้าที่ ความสำคัญ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการดูแลรักษาฟันเขี้ยวให้แข็งแรงอยู่กับเราได้อย่างยาวนาน
ทำความรู้จักฟันเขี้ยว
ฟันเขี้ยวเป็นฟันที่มีลักษณะแหลมคล้ายสามเหลี่ยมอยู่บริเวณข้างฟันหน้าด้านบนและล่าง มีทั้งหมด 4 ซี่ ได้แก่ ซี่บนซ้าย บนขวา ล่างซ้าย และล่างขวา ซึ่งมักจะเห็นเด่นชัดเวลายิ้ม ฟันเขี้ยวจะเริ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 11 ปีขึ้นไป ก่อนหน้านั้นจะมีฟันน้ำนมขึ้นมาก่อนตั้งแต่อายุประมาณ 1 ปีครึ่ง ชื่อของฟันเขี้ยวนั้นมีที่มาจากลักษณะที่คล้ายกับเขี้ยวสัตว์ ซึ่งรูปทรงที่แหลมนี้เหมาะสำหรับการฉีกหรือฉีกเนื้อให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนส่งต่อให้ฟันกรามบดเคี้ยวต่อไป นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อและหน้าที่หลักของฟันซี่นี้
หน้าที่ของฟันเขี้ยวคืออะไร
หน้าที่หลักของฟันเขี้ยวก็คือการช่วยฉีกอาหารให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้ฟันกรามสามารถบดเคี้ยวได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าเวลารับประทานอาหารเหนียว ๆ หรือเนื้อชิ้นใหญ่ ๆ เราก็มักจะใช้ฟันเขี้ยวในการฉีกก่อนเป็นอันดับแรก นอกจากนี้แล้ว ฟันเขี้ยวยังทำหน้าที่เสริมหน้าตาให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู เพราะเป็นซี่ที่มีความโดดเด่นเวลายิ้ม และยังทำให้การออกเสียงบางเสียงอย่าง ส ซ ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย
ฟันเขี้ยวช่วยเพิ่มเสน่ห์ได้จริงไหม
หลายคนมักมองว่าการมีฟันเขี้ยวที่เห็นได้ชัดเจนตอนยิ้ม จะทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากขึ้น ดูมีความขี้เล่นซุกซน หรืออาจดูเซ็กซี่ในสายตาบางคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคล และความชอบของแต่ละคนด้วย
บางคนอาจชอบลักษณะฟันเขี้ยวที่ดูโดดเด่นชัดเจน ในขณะที่บางคนอาจมองว่ามันทำให้ยิ้มแล้วดูเหมือนแวมไพร์ ดังนั้นจึงไม่มีใครการันตีได้ว่าการมีฟันเขี้ยวที่เด่นชัดจะช่วยเพิ่มเสน่ห์หรือไม่ เพราะมันก็เป็นเรื่องของความชอบเฉพาะบุคคลนั่นเอง
ฟันเขี้ยวส่งผลต่อช่องปากอย่างไรบ้าง
ฟันเขี้ยวเป็นฟันที่มีความแข็งแรงมาก มีรากยาว จึงไม่ค่อยมีปัญหาฟันผุหรือโยกง่ายเท่าซี่อื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เพราะฟันเขี้ยวเป็นฟันที่มีบทบาทสำคัญในการบดเคี้ยว จึงมีการใช้งานอย่างหนักและบ่อยครั้ง ทำให้มีโอกาสสะสมคราบแบคทีเรียและหินปูนได้ง่ายกว่าฟันซี่อื่น แถมยังยากต่อการทำความสะอาดอีกด้วย เพราะมีหลืบซอกซ่อนเยอะ
นอกจากนี้ ฟันเขี้ยวยังมีโอกาสเป็นฟันซ้อนเกหรือขึ้นผิดตำแหน่งได้ง่าย โดยเฉพาะอาการฟันเขี้ยวสูง ที่ฟันจะขึ้นสูงเกินแนวเหงือกจนทำให้สบฟันไม่สนิท ไม่เท่ากัน การบดเคี้ยวไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงอาจส่งผลให้การออกเสียงผิดปกติ และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคในช่องปากได้อีกด้วย
วิธีดูแลรักษาฟันเขี้ยว
แม้ฟันเขี้ยวจะแข็งแรงทนทานกว่าฟันซี่อื่น ๆ แต่ก็ไม่ควรละเลยการดูแลรักษา หากอยากให้ฟันเขี้ยวอยู่กับเราไปนาน ๆ ควรปฏิบัติตาม ดังนี้
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-ก่อนนอน หรือทุกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ โดยใช้เวลาแปรงอย่างน้อย 2 นาที
- ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อขจัดเศษอาหารและแบคทีเรียตามซอกฟัน โดยเฉพาะบริเวณฟันเขี้ยวที่อาจทำความสะอาดได้ยาก
- ใช้น้ำยาบ้วนปากหลังแปรงฟัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคและสร้างความสดชื่นให้ช่องปาก
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินปูนทุก 6 เดือน
- เลี่ยงการกัดของแข็ง ๆ ด้วยฟันเขี้ยว เพื่อป้องกันฟันร้าวหรือแตกหัก
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดเพื่อป้องกันเคลือบฟันสึก และอาหารหวานเหนียวเพื่อป้องกันฟันผุ
วิธีดูแลรักษาฟันเขี้ยวสูงจากหมอฟันเด็ก
ส่วนในกรณีที่ฟันเขี้ยวขึ้นสูงผิดปกติ การดูแลรักษาก็ต้องอาศัยการจัดฟันโดยทันตแพทย์เด็ก ซึ่งอาจทำได้โดยการดึงฟันเขี้ยวให้เข้าที่ด้วยลวดหรือยางจัดฟัน และหากจำเป็นอาจต้องถอนฟันกรามน้อยออกเพื่อเปิดพื้นที่ให้ฟันเขี้ยวขยับลงมาอยู่ในแนวที่ถูกต้องตามธรรมชาติ
การปล่อยให้ฟันเขี้ยวสูงโดยไม่รักษา จะทำให้ปัญหาซับซ้อนตามมาในภายหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ ฟันสึก หรือแม้แต่ฟันหลุดร่วงก่อนวัยอันควร ดังนั้น หากสังเกตว่าลูกน้อยมีอาการฟันเขี้ยวสูง ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เด็กโดยเร็วที่สุด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สรุปบทความฟันเขี้ยว
ฟันเขี้ยวเป็นฟันที่มีความสำคัญต่อระบบบดเคี้ยวและการออกเสียง รวมถึงช่วยเสริมความน่ารักให้ใบหน้าเวลายิ้ม ซึ่งความโดดเด่นของฟันเขี้ยวนั้นอาจถูกมองว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของใครบางคน ในขณะเดียวกันก็อาจมองเป็นข้อด้อยในสายตาคนอื่นได้
แม้ว่าฟันเขี้ยวจะเป็นฟันที่แข็งแรงทนทานกว่าฟันซี่อื่น ๆ แต่ก็ยังคงต้องดูแลรักษาอยู่เสมอ ทั้งการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุ ฟันสึก หรือหินปูนเกาะ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
และหากเป็นกรณีที่ฟันเขี้ยวขึ้นสูงหรือผิดตำแหน่ง สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่ Smile Seasons เพราะเราพร้อมให้คำปรึกษาได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยทางทันตแพทย์ช่วยดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อแก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติ และป้องกันปัญหาแทรกซ้อนที่อาจตามมาได้ในระยะยาว