ร้อนในเกิดจากอะไร? แผลในช่องปากที่ควรระวัง

ร้อนในเกิดจากอะไร? แผลในช่องปากที่ควรระวัง

ร้อนใน อาการที่หลายคนมักจะเป็นบ่อย ๆ และสร้างความทรมานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะก่อให้เกิดความเจ็บปวดในช่องปาก ซึ่งบางคนอาจแทบกินอะไรไม่ได้เลย หรือหากกินได้ก็ทานได้ไม่อร่อยนัก แถมยังเจ็บทุกครั้งที่ต้องพูดหรือขยับปาก 

วันนี้ Smile Seasons จะพาคุณไปทำความเข้าใจกันว่าร้อนในเกิดจากอะไร? มีวิธีการดูแลรักษา และป้องกันได้อย่างไรบ้าง? เพื่อให้คุณรักษาแผลร้อนในนั้นได้อย่างรวดเร็วและรับมือได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

แผลร้อนในคืออะไร

ร้อนใน หรือ Aphthous Ulcer (Canker sore) เป็นแผลในช่องปากซึ่งมีฐานตื้นสีขาวหรือออกเหลือง และมีสีแดงของการอักเสบรอบๆ มักพบที่เยื่อบุกระพุ้งแก้ม หรือบริเวณเหงือก ร้อนในเป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อในช่องปาก และไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด  เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่การบาดเจ็บเช่นการพลาดกัดไปโดน ความเครียด อาหารหรือผลไม้บางชนิด รวมถึงโรคประจำตัวบางอย่างอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดร้อนในได้ ร้อนในโดยส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายในเวลา 1-2 สัปดาห์

ประเภทของแผลร้อนใน

แผลร้อนในมี 3 ประเภทที่มักจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ซึ่งมีประเภทไหนบ้าง? และมีลักษณะความรุนแรงของโรคแตกต่างกันอย่างไร? เราจะพาคุณไปดูกัน

  1. แผลร้อนในขนาดเล็ก เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด ลักษณะทั่วไปของแผลชนิดนี้คือ เป็นแผลตื้น มีรูปร่างกลมหรือรูปไข่ และมีขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร แผลจะเป็นสีขาวหรือเหลือง และมีขอบเป็นวงสีแดงรอบ ๆ ซึ่งลักษณะแผลมักจะเรียบ ไม่นูน หรืออาจมีอาการบวมเล็กน้อยที่ขอบ เมื่อใกล้หาย พื้นแผลจะเปลี่ยนเป็นสีเทา มักมีอาการเจ็บปวดไม่รุนแรง และแผลสามารถหายได้เองภายใน 7-14 วัน
  2. แผลร้อนในขนาดใหญ่ พบได้ไม่บ่อยนัก โดยมีขนาดเกิน 1 เซนติเมตรขึ้นไป และมีความลึกกว่าแผลขนาดเล็ก บริเวณขอบแผลจะมีอาการบวมและทำให้รู้สึกเจ็บปวดรุนแรงได้ ซึ่งแผลร้อนในประเภทนี้ จะใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่า บางคนอาจเป็นเดือนเลยทีเดียว 

แผลร้อนในที่มีความคล้ายเริม มักจะพบได้น้อยที่สุด แต่มีความรุนแรงมากกว่าประเภทอื่น ๆ  ลักษณะเฉพาะของแผลร้อนในประเภทนี้คือ ในระยะเริ่มต้นจะปรากฏเป็นตุ่มใสขนาดเล็กหลายตุ่ม โดยแต่ละตุ่มมีขนาดประมาณ 0.1-0.3 มิลลิเมตร ต่อมาตุ่มเหล่านี้จะแตกและรวมตัวกัน กลายเป็นแผลขนาดใหญ่เพียงแผลเดียว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแผลร้อนในใหญ่ ผู้ป่วยที่เป็นแผลร้อนในชนิดนี้จะมีอาการเจ็บปวดรุนแรง และอาจใช้เวลานานถึง 2 เดือนกว่าจะหาย

อาการของแผลร้อนใน

สำหรับลักษณะอาการของแผลร้อนในก็มีดังนี้

  • แผลร้อนในมักมีขนาดเล็กและตื้น โดยพื้นแผลจะมีสีเหลืองอ่อนหรือขาวนวล ล้อมรอบด้วยขอบสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะที่สังเกตได้ชัดเจน
  • ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บเมื่อแผลถูกสัมผัส เช่น ขณะรับประทานอาหาร พูดคุย หรือนอนทับบริเวณที่เป็นแผล
  • ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจมีความรู้สึกปวดร้าวหรือบวมร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดร้อนใน

เรายังไม่ทราบสาเหตุ และกลไกการเกิดโรคที่แน่ชัดของร้อนใน แต่อาจสรุปปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดร้อนในได้ดังนี้

  1. การบาดเจ็บต่อเยื่อบุช่องปาก เช่น การกัดพลาด การแปรงฟันที่รุนแรงเกินไป หรือการใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งมากผิดปกติ ผลข้างเคียงจากการทำฟัน
  2. ความเครียด – สามารถกดภูมิคุ้มกันของคุณได้ หากพบร่วมกับการพักผ่อนน้อยก็จะยิ่งทำให้เป็นร้อนในได้ง่ายขึ้น
  3. การขาดสารอาหารบางชนิด โดยเฉพาะวิตามิน บี 12 วิตามินซี กรดโฟลิก และธาตุเหล็ก
  4. อาหารบางชนิดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดร้อนในได้ เช่น เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย และผลไม้รสเปรี้ยว อาหารที่เผ็ดมาก หรือร้อนมาก ก็อาจทำให้เป็นร้อนใน หรืออาการร้อนในหนักมากขึ้น
  5. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน
  6. โรคประจำตัวที่อาจทำให้มีร้อนในได้ เช่น โรคทางภูมิคุ้มกันบกพร่อง SLE, HIV ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด หรือฉายแสงบริเวณปาก และลำคอ โรคทางระบบทางเดินอาหารเช่น Crohn’s Disease
  7. กรรมพันธุ์ – ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีความเป็นไปได้ที่ยีนส์จะมีส่วนทำให้เป็นร้อนในบ่อยขึ้นกว่าปกติ
  8. ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม Beta-Blockers
สาเหตุที่ทำให้เกิดร้อนใน

แผลร้อนใน หรือมะเร็ง แยกกันอย่างไร

แผลร้อนในเป็นโรคที่ไม่อันตราย ไม่ติดต่อระหว่างกัน และเกือบทั้งหมดหายได้เองในเวลา 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามแผลในปาก ที่เราเข้าใจว่าเป็นร้อนในนั้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่อันตรายได้ ยกตัวอย่างเช่น การติดเชื้อไวรัส การแพ้ยาชนิดรุนแรง หรือโรคมะเร็งในช่องปาก คุณหมอมาแนะนำข้อสังเกต สำหรับแผลในปากที่ควรเฝ้าระวัง 

  1. แผลร้อนในที่มีขนาดใหญ่ – แผลร้อนในทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิด 1 เซนติเมตร หากแผลมีขนาดใหญ่ หรือมีการขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ เช่น Behcet’s disease หรือ Reiter’s syndrome
  2. แผลร้อนในเรื้อรัง – แผลร้อนในส่วนมากมักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากแผลเป็นเรื้อรังอยู่นาน หรือเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ อาจเป็นอาการของปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น Celiac disease หรือ HIV infection เป็นต้น
  3. แผลร้อนในที่มีจำนวนมาก – แผลร้อนในส่วนมากจะมีจำนวน 1-2 แผล หากมีจำนวนมากกว่านั้น หรือไปขึ้นในบริเวณที่พบไม่บ่อย เช่น เพดานปาก หรือลำคอด้านใน
  4. แผลร้อนในที่เจ็บมาก – หากคุณมีอาการปวดมาก หรืออาการไม่ตอบสนองต่อยาทาต่างๆ อาจเป็นข้อควรระวังว่าอาจมีปัญหาที่รุนแรงเกิดขึ้นได้
  5. แผลร้อนในที่มีลักษณะผิดไปจากปกติ – ขอบของแผลร้อนในมันเป็นสีแดง ขอบเรียบ และไม่นูนขึ้นมา หากแผลมีสีผิดปกติ นูน มีก้อน หรือขอบแผลมีลักษณะแข็ง ขอบไม่เรียบ แสดงว่ามีความผิดปกติ
  6. แผลร้อนในที่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย – ร้อนในส่วนใหญ่มักไม่มีอาการทางระบบร่วมด้วย อาการที่อาจเกิดร่วมได้คือ ไข้สูง มีผื่นขึ้นที่บริเวณอื่น มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ปวดท้อง มีอาการซีด ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอและใบหน้าโต

หากคุณมีอาการดังกล่าว มีความเป็นไปได้ว่าแผลในปากของคุณ อาจไม่ใช่แผลร้อนใน และอาจมีสาเหตุที่อันตราย หรือรุนแรงกว่าที่คิด คุณจึงควรรีบเข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที

รวมวิธีรักษาและป้องกันการเป็นร้อนใน

แผลร้อนในแม้จะหายได้เอง แต่ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีก็จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งบทความนี้ก็มีวิธีการรักษาพร้อมป้องกันแผลร้อนในมาแนะนำกันด้วย ดังนี้

1. วิธีรักษา

หากมีแผลร้อนใน เราสามารถรักษาอาการร้อนในได้ด้วยวิธีเหล่านี้

  1. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือวันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำความสะอาด และลดแบคทีเรียในช่องปาก
  2. อมน้ำแข็งก้อนเล็กหรือดื่มน้ำเย็น สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ หากมีอาการปวดมาก อาจใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้
  3. ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ เช่น ไตรแอมซิโนโลน อะเซโทไนด์ (Triamcinolone Acetonide) หรือฟลูโอซิโนโลน อะเซโทไนด์ (Fluocinolone acetonide) ป้ายบริเวณแผล
  4. หากมีอาการเจ็บปวดมาก คุณหมออาจแนะนำยาชาชนิดทา เช่น Lidocaine ในรูปแบบของเจล หรือขี้ผึ้ง ทาบางๆ เวลาปวด หรือ 30 นาทีก่อนรับประทานอาหาร หรือแปรงฟัน
  5. แผ่นแปะร้อนใน ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา และร้านสะดวกซื้อ มีหลายยี่ห้อ มักผสมยาชาเฉพาะที่ และสารต้านการอักเสบ ใช้สะดวก และได้ผลดี
  6. ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก และสังกะสี
  7. ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจระคายแผล เช่น อาหารแข็ง เผ็ด เปรี้ยว และร้อนจัด แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนและเย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
  8. การจัดการความเครียดด้วยการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็มีส่วนช่วยในการรักษาแผล รวมถึงการรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดี เช่น การแปรงฟันอย่างอ่อนโยนและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

2. วิธีป้องกัน

จริง ๆ แล้วแผลร้อนใน สามารถป้องกันได้ไม่ยาก ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  1. รับประทานอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ในแต่ละมื้อ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และได้รับสารอาหารรวมถึงวิตามินที่ครบถ้วน
  2. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นร้อนในได้ เช่น อาหารรสจัด ร้อนจัด เย็นจัด หลีกเลี่ยงผลไม้เช่น สับปะรด ลิ้นจี่ หรือผลไม้รสเปรี้ยว
  3. เคี้ยวอาหารอย่างช้า ๆ มีสติขณะรับประทาน และไม่รีบร้อนจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บในช่องปาก
  4. นอนหลับให้เพียงพอ รักษาสภาพจิตใจให้แจ่มใส ลดความเครียดและความวิตกกังวล
  5. หมั่นออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งที่มีอากาศบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอ
  6. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ผู้ที่อยู่ในภูมิอากาศ ร้อนมาก หนาวมาก อากาศแห้ง ออกกำลังกายหนัก เล่นกีฬา อาจต้องการปริมาณน้ำต่อวันที่มากขึ้นกว่าปกติ
  7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์
  8. ตรวจช่องปาก และเข้ารับการขูดหินปูนกับคุณหมอทุก 6 เดือน
วิธีป้องกันร้อนใน

สรุปบทความ

ร้อนในเป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบได้บ่อย แถมยังสามารถสร้างความเจ็บปวด และรำคาญให้กับคุณได้ คุณสามารถรักษาตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งซื้อยา หรือใช้แผ่นแปะร้อนในมาช่วยบรรเทาอาการได้ สำหรับใครกังวล ไม่แน่ใจว่าแผลในปากของคุณนั้นเป็นร้อนในจริงหรือเปล่า เราขอแนะนำให้รีบมาพบกับทันตแพทย์ที่คลินิกทันตกรรม เพื่อตรวจเช็ค และเคลียร์ช่องปากให้มีสุขภาพดี Smile Seasons มีคุณหมอเฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญและสามารถตรวจวินิจฉัย รวมทั้งให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับคุณได้

หากมีปัญหาทางช่องปาก ให้นึกถึง Smile Seasons  สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับคลินิกก่อนได้ ที่หน้าสาขาทั้งหมด 8 สาขาใกล้บ้าน ทั่วกรุงเทพ ได้แก่

  • สนามเป้า/อนุสาวรีย์ชัย
  • อารีย์ (ตึก IBM)
  • อโศกทาวเวอร์
  • เมเจอร์รัชโยธิน
  • ท่าพระ
  • BTS อ่อนนุช
  • Silom Complex
  • Central Westville

และสอบถามทางไลน์ได้ที่ @smileseasons.dc หรือโทร. 02-114-3274

บทความโดย

Picture of ทพ.ธนิตย์ วนิชนพรัตน์

ทพ.ธนิตย์ วนิชนพรัตน์

  • วุฒิบัตรทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาปริทันตวิทยา ทันตแพทยสภา
  • Certificate of Training Orthodontic and Miniscrew
  • Advance Orthodontic Society
  • Certification of Invisalign Provider
  • ทันตแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่
  • เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน เราขอความยินยอมของคุณในการใช้คุกกี้ ดูรายละเอียด นโยบายความเป็นส่วนตัว หรือ คุกกี้

    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน เราขอความยินยอมของคุณในการใช้คุกกี้ ดูรายละเอียด นโยบายความเป็นส่วนตัว หรือ คุกกี้