จัดฟันแล้วปวดฟันเกิดจากอะไร แก้ไขได้อย่างไรบ้าง
การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ช่วยปรับตำแหน่งฟันและขากรรไกรให้เรียงตัวอย่างถูกต้อง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ฟันสวยงามและการทำงานของขากรรไกรดีขึ้น แต่บางคนอาจประสบปัญหาจัดฟันแล้วปวดฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลในระหว่างการรักษา ในบทความ Smile Seasons จะชวนมาทำความเข้าใจสาเหตุของการปวดฟันหลังจัดฟัน และวิธีการแก้ไขอาการจัดฟันแล้วปวดฟัน เพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
สาเหตุที่จัดฟันแล้วปวดฟัน
การจัดฟันแล้วปวดฟันเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงแรก ๆ หลังจากติดเครื่องมือในการจัดฟัน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนที่ของฟันที่ได้รับแรงดันจากเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดการกดทับในพื้นที่ต่าง ๆ ของฟันและเหงือก ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดในระยะสั้น สำหรับสาเหตุหลักที่จัดฟันแล้วปวดฟันนั้นมี ดังนี้
แรงดันที่ส่งผลต่อฟันและเหงือก
เมื่อเครื่องมือจัดฟันถูกติดเข้าไปในช่องปาก แรงดันที่เครื่องมือส่งไปยังฟันจะกระตุ้นให้ฟันค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ตั้งใจไว้ตามแผนการรักษา ซึ่งการเคลื่อนตัวของฟันนี้อาจก่อให้เกิดอาการปวดและเจ็บในช่วงแรก
การกระจายแรงไปที่กระดูกและหลอดเลือด
การที่เครื่องมือจัดฟันมีการเคลื่อนฟันไปจากตำแหน่งเดิม ทำให้กระดูกที่รองรับฟันถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง อาจส่งผลให้หลอดเลือดในบริเวณนั้นถูกกดทับ ซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือเสียวฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้จัดฟันแล้วปวดฟัน
การเกิดการระคายเคืองจากเครื่องมือ
บางครั้งเครื่องมือจัดฟันอาจก่อให้เกิดแผลในช่องปาก โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นที่ไม่ชินกับเครื่องมือ อาจทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญหรืออาการเจ็บจากการขูดหรือกดทับบนเหงือกหรือเยื่อบุในช่องปาก ส่งผลให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มจัดฟันรู้สึกปวดและไม่ชิน
เมื่อจัดฟันแล้วปวดฟันแก้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง
การจัดฟันแล้วปวดฟันไม่ควรปล่อยไว้เฉย ๆ เนื่องจากอาจส่งผลให้การรักษาใช้เวลานานขึ้นและมีปัญหาสุขภาพช่องปากตามมา วิธีการเหล่านี้อาจช่วยลดอาการปวดและอำนวยความสะดวกในการรักษาได้
รับประทานยาแก้ปวด
เมื่อจัดฟันแล้วปวดฟัน การรับประทานยาแก้ปวดเป็นวิธีแรกที่หลายคนเลือกใช้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ยาแก้ปวดที่แนะนำ ได้แก่ พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน โดยยาเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบและอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัย และไม่ควรทานยาเกินขนาดที่กำหนด
ดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาด
การดูแลความสะอาดช่องปากเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ ซึ่งสามารถกระตุ้นอาการปวดฟันให้รุนแรงขึ้นหลังการจัดฟัน ควรแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน โดยใช้แปรงสีฟันที่อ่อนและยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ นอกจากนี้ การใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันช่วยให้ทำความสะอาดบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะบริเวณที่เครื่องมือจัดฟันติดอยู่
หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว
อาหารแข็งหรือเหนียวอาจทำให้เกิดแรงกระแทกกับเครื่องมือจัดฟัน หรือทำให้เศษอาหารติดตามเครื่องมือได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดฟันและทำความสะอาดยาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งเกินไป เช่น ลูกอม ถั่ว หรือขนมกรอบ และเลือกรับประทานอาหารที่นุ่มหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับฟันและเครื่องมือจัดฟัน
ไม่ใช้ลิ้นดุนฟัน
บางคนมีพฤติกรรมใช้ลิ้นดุนฟันโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งการทำเช่นนี้อาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเกิดการเคลื่อนหรือหลุดจากตำแหน่ง ทำให้เกิดอาการจัดฟันแล้วปวดฟัน อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการรักษาที่ผิดพลาด ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการดุนฟันหรือขยับฟันโดยไม่จำเป็น
อาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการจัดฟัน
นอกจากอาการปวดฟันแล้ว การจัดฟันอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น
- แผลร้อนใน : เครื่องมือจัดฟันอาจทำให้เกิดแผลในช่องปากได้ในช่วงเริ่มต้น หากพบว่าเครื่องมือขูดข่วนหรือกดทับทำให้เกิดแผล แต่สามารถบรรเทาได้โดยการใช้ขี้ผึ้งกันแผลที่ได้รับจากทันตแพทย์มาปิดทับบริเวณที่เกิดแผล
- เหงือกบวมและอักเสบ : การที่เครื่องมือจัดฟันกดทับเหงือกอาจทำให้เหงือกบวมและเกิดการอักเสบได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาการอักเสบ หรือปรึกษาทันตแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
- อาการตึงหรือดึงในฟัน : บางคนอาจรู้สึกถึงความตึงของฟันเมื่อเครื่องมือจัดฟันทำการปรับเปลี่ยนตำแหน่งฟัน การจัดฟันที่ถูกต้องสามารถทำให้เกิดความรู้สึกนี้ได้ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะอาการนี้จะหายไปเมื่อฟันเริ่มเคลื่อนที่
จัดฟันแล้วปวดฟันแบบไหนอันตราย
ในบางกรณีที่เกิดอาการจัดฟันแล้วปวดฟัน อาจไม่ใช่แค่การปรับตัวตามธรรมชาติของกระบวนการรักษา หากคุณมีอาการจัดฟันแล้วปวดฟันที่รุนแรงหรือไม่ลดลงภายใน 3-5 วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ สัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีปัญหากับการรักษามีดังนี้
- ปวดฟันรุนแรงมากหรือไม่หาย : หากปวดฟันอย่างรุนแรงหรือไม่หายไปในระยะเวลาหลายวัน อาจเป็นสัญญาณของปัญหากับเครื่องมือจัดฟัน หรือการติดเชื้อ
- ฟันหลุดหรือเครื่องมือหลุดออกจากตำแหน่ง : หากเครื่องมือจัดฟันหลุดหรือได้รับความเสียหาย ควรไปพบทันตแพทย์ทันที
- แผลในช่องปากที่ไม่หาย : หากแผลในช่องปากจากการขูดของเครื่องมือจัดฟันไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
สรุป
การจัดฟันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันซ้อน ฟันเก ฟันยื่น หรือปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติได้ แต่เมื่อจัดฟันแล้วปวดฟัน ถือเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรก ๆ ของการรักษา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการดูแลรักษาและวิธีการต่าง ๆ เช่น การรับประทานยาแก้ปวด การดูแลสุขภาพช่องปาก การหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจกระทบกับฟันและเครื่องมือจัดฟัน หากมีอาการผิดปกติหรือปวดฟันรุนแรง สามารถเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ได้ที่ Smile Seasons เพื่อปรึกษาและรับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที