ลูกกลัวคุณหมอฟันมาก จะทำอย่างไรดี
จริงๆ แล้ว ความรู้สึกกลัวคุณหมอฟันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ทุกวัยเลยนะคะ ผู้ใหญ่เองบางคนก็กลัวการทำฟัน กลัวเสียงเครื่องมือดังๆ หรือกลัวว่าจะต้องฉีดยาชา เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องปกติที่เด็กเล็กๆ จะกลัว ร้องไห้ ต่อต้านและไม่ชอบมาพบคุณหมอฟันค่ะ
เด็กๆ มักรู้สึกกลัวเมื่อมีสิ่งที่ทำให้ตกใจ ไม่สบายกาย หรือวิตกกังวล ก็จะแสดงพฤติกรรมถอยหนี ร้องไห้ และเข้าหาคุณพ่อคุณแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อน้องเริ่มโตขึ้น ก็จะค่อยๆ เรียนรู้วิธีแก้ไข และปรับตัวตัวความกลัวนั้นๆ ได้ค่ะ
ความกลัวของเด็กตามวัย
ความกลัวของเด็กๆ จะเปลี่ยนไปตามวัยด้วยนะคะ การรู้ว่าเด็กๆ กลัวอะไรจะทำให้เราสามารถวางแผนช่วยลดความกังวลของน้องๆ ลงเมื่อมาพบคุณหมอค่ะ
เด็กเล็ก (อายุ 2-5 ปี)
เด็กเล็กนั้นเต็มไปด้วยจินตนาการ เป็นวัยที่เริ่มรู้จักสิ่งของ และผู้คนมากขึ้น เด็กวัยนี้มักจะกลัวสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เช่น กลัวคุณหมอฟันที่เป็นคนแปลกหน้า อารมณ์กลัวอาจเกิดจากคำพูดของผู้ใหญ่ เช่น กลัวผี กลัวคุณหมอจับถอนฟันเพราะทานขนมเยอะ
เด็กวัยเรียน (อายุ 6-12 ปี)
เนื่องจากโตขึ้น เด็กวัยนี้เรียนรู้ เข้าใจ และมีเหตุมีผลมากขึ้น สิ่งที่กลัวมักเกิดจากประสบการณ์ไม่ดีที่เคยได้รับ เช่น กลัวสุนัขเนื่องจากเคยถูกกัด กลัวคุณหมอเนื่องจากเคยโดนจับฉีดยา เป็นต้น
สิ่งที่คุณควรทำก่อนพาน้องๆ พบคุณหมอฟัน
การดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กๆ ผู้ปกครองและคุณหมอต้องทำงานเป็นทีมค่ะ การเตรียมความพร้อมทางอารมณ์ให้กับเด็กๆ ก่อนมาพบคุณหมอเป็นเรื่องสำคัญมากในการลดความกลัว และความวิตกกังวลในการทำฟันได้ คุณหมอมีคำแนะนำให้กับคุณพ่อคุณแม่ดังนี้ค่ะ
Role Playing
เล่นบทบาทสมมุติหมอฟันกับคนไข้ ฝึกซ้อมตรวจฟัน อ้าปาก ลองบอกว่าจะมีเสียงดังไม่ต้องตกใจกลัว
เรียนรู้การทำฟันจากสื่ออื่นๆ
ผู้ปกครองลองเปิดหนังสือภาพเกี่ยวกับการมาพบคุณหมอฟันให้น้องๆ ฟัง เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับ คุณหมอ เก้าอี้ทำฟัน หรือกระจกส่องฟัน
หลีกเลี่ยงเรื่องเล่าที่น่ากลัว
อย่าเล่าเรื่อง หรือประสบการณ์ไม่ดีในการมาทำฟันให้เด็กๆ ฟัง ควรหลีกเลี่ยงคำเช่น “เจ็บ” “เข็ม” “ฉีดยา”
พี่ๆ ช่วยบอกน้อง
หากมีพี่น้อง ผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้พี่ๆ เล่าเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับการทำฟันให้น้องฟัง ในทางกลับกันถ้าพี่ๆ เป็นคนไข้ที่ให้ความร่วมมือดีเยี่ยม คุณอาจให้พี่พูดเป็นกำลังใจ และบอกน้องให้เชื่อฟังคุณหมอ
อย่าเอาการทำฟันเป็นคำขู่
อย่าขู่ หรือใช้การทำฟันเป็นการทำโทษ คุณหมอเคยได้ยินประโยคว่า “ถ้าดื้อ คุณหมอจะจับถอนฟันนะ” การขู่แบบนี้จะยิ่งทำให้น้องๆ กลัวมากขึ้นไปอีกค่ะ
ทำฟันครั้งแรกตั้งแต่ยังเล็ก
คุณพ่อคุณแม่ควรพาน้องๆ มาตรวจฟันตั้งแต่ยังเล็ก ถ้าให้คุณหมอแนะนำคือควรพามาตรวจฟันครั้งแรกตอนน้องอายุไม่เกิน 1 ขวบค่ะ เด็กที่มาพบคุณหมอฟันเป็นประจำจะวิตกกังวลน้อย และให้ความร่วมมือดีกว่า
พาเด็กๆ มาพบคุณหมอฟันครั้งแรก
เด็กๆ อาจมีความกังวลเมื่อต้องมาพบคุณหมอ หากคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าครั้งแรกที่มาพบคุณหมอจะต้องทำอะไรบ้าง ก็อาจเป็นประโยชน์ในการพูดคุย หรือเล่น Role Play กับน้องๆ ได้ เพื่อให้พอเห็นภาพ คุณหมอเลยจะขอแนะนำสักเล็กน้อยว่าการมาพบคุณหมอฟันครั้งแรก ต้องทำอะไรกันบ้างนะคะ
- คุณหมอจะนับจำนวนฟันที่ขึ้น เพื่อดูการพัฒนาว่าเป็นไปตามปกติหรือไม่
- ตรวจเช็คว่ามีฟันผุหรือไม่
- ตรวจสุขภาพเหงือก ลิ้น เพิ่มเติม เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากโดยรวม
- เช็คการสบฟัน
- บางกรณี อาจต้อง X-ray เพิ่มเติม เพื่อเช็คฟันผุ หรือตำแหน่งของฟันซี่ที่ยังไม่ขึ้น
ฟันน้ำนมใครว่าไม่สำคัญ
คุณพ่อคุณแม่บางท่านไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบพาน้องมาพบคุณหมอฟัน และไม่เห็นความสำคัญของฟันน้ำนม เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องหลุดออกไป แต่อันที่จริงแล้วฟันน้ำนมมีความสำคัญมากต่อสุขภาพของเด็ก เป็นรากฐานสำคัญของฟันแท้ในอนาคต นอกจากนั้นฟันน้ำนมที่สุขภาพดียังทำให้น้องๆ เคี้ยวข้าวได้ดี ทานอาหารได้เยอะ รวมทั้งส่งผลต่อการหัดพูดของเด็กด้วยค่ะ
การที่คุณพ่อคุณแม่พาน้องๆ มาตรวจฟันและเคลือบฟลูออไรด์ตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นในช่องปาก รวมไปถึงการดูแลความสะอาดฟันให้เด็กๆ อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยลดโอกาสเกิดฟันผุ ทำให้ไม่ต้องรับการรักษาที่ยุ่งยาก หรือใช้เวลานาน แถมยังทำให้น้องๆ ลดความกลัวในการทำฟันลงได้อีกด้วยค่ะ
Share This Page
ทพญ.พิชารัตน์ เดชะชาติ
ทันตกรรมสำหรับเด็ก, ทั่วไป, จัดฟัน
- วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ทันตกรรมสำหรับเด็ก ม. มหิดล
- ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต ม. มหิดล
เป็นอย่างไรบ้างเจ็บไหม? เราหวังว่าคุณจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เรารู้ว่าคุณคงกังวลและอยากรู้วิธีการดูแลตัวเองหลังจากถอนฟัน หรือผ่าฟันคุด นี่คือคำแนะนำของเรา
ฟันล่างคร่อมฟันบน เป็นยังไง ปกติหรือไม่ เกิดจากอะไร ส่งผลอย่างไรต่อชีวิตประจำวันบ้าง แก้ไขอย่างไรได้บ้าง สามารถจัดฟันได้หรือไม่
การเกลารากฟัน – คือการกำจัดหินปูนใต้เหงือก ใช้รักษาเหงือกอักเสบหรือปริทันต์อักเสบ ทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง มักต้องมีการให้ยาชา และอาจต้องมาพบคุณหมอหลายครั้ง