คลินิกทันตกรรมเด็กแบบครบวงจร หมอฟันเด็กใจดี มือเบา
เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพฟันของบุตรหลานของคุณ ทันตกรรมสำหรับเด็ก หรือ Pediatric Dentistry เป็นสาขาทางทันตกรรมเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญในการให้ความรู้ และรักษาโรคสำหรับเด็ก คุณหมอฟันเด็กมีความเชี่ยวชาญในการให้การดูแลเด็กๆ ที่มีพัฒนาแตกต่างกันในแต่ละวัย อีกทั้งยังสามารถปรับพฤกติกรรมของเด็กๆ ให้ผ่อนคลายและให้ความร่วมมือในการทำฟัน
เราให้บริการทันตกรรมเด็กที่หลากหลาย รวมถึงการดูแลป้องการ การรักษาบูรณะ และการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยช่องปากของน้องๆ ให้กับผู้ปกครองเช่นคุณ ในบทความนี้เราจะสำรวจความสำคัญของทันตกรรมสำหรับเด็ก ปัญหาและการรักษาต่างๆ ที่บุตรหลานของคุณอาจต้องเจอ รวมถึงเคล็ดลับในการปลูกฝังนิสัยในการรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดีให้กับน้องๆ
ทันตกรรมเด็กคืออะไร
มีคำกล่าวทางการแพทย์ที่ว่า ‘เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก’ ซึ่งในมุมมองของทันตแพทย์ ก็ต้องบอกว่าเป็นวลีที่เป็นความจริง เพราะเด็กมีความต้องการ และการดูแลพิเศษทางทันตกรรมที่แตกต่างจากผู้ใหญ่
ทันตกรรมเด็กเป็นสาขาเฉพาะทางของการดูแลช่องปากและฟันที่มุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยเด็ก ตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยรุ่น ทันตแพทย์เด็ก หรือหมอฟันเด็กได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อทำงานกับเด็ก และเข้าใจความต้องการ รวมถึงความกังวลของน้องๆ นอกจากนี้ทันตแพทย์เด็กยังเชี่ยวชาญในการปรับพฤติกรรมเพื่อให้สามารถทำหัตถการทางทันตกรรมให้กับน้องๆ ได้อย่างราบรื่น
ทำไมต้องเลือกคลินิกทำฟันที่มีหมอฟันเด็กโดยเฉพาะ
หมอฟันเด็ก หรือทันตแพทย์เด็ก เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก ดังนั้นคุณหมอจะมีหลักจิตวิทยาในการสื่อสารเพื่อลดความกลัวในการทำฟันและสร้างความผ่อนคลายระหว่างทำฟัน เนื่องจากเด็กบางคนไม่เคยพบหมอฟันมาก่อน อาจเกิดความกลัวและวิตกกังวลได้ โดยคุณหมอจะมีวิธีรับมือกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนให้สามารถทำฟันได้สำเร็จ นอกจากนี้หมอฟันเด็กยังสามารถแนะนำวิธีดูแลฟันให้กับน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ได้ถูกวิธีและเข้าใจง่ายอีกด้วย
การดูแลฟันเด็กในแต่ละช่วงอายุ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น
1. ทันตกรรมเด็กแรกเกิด ถึง 2 ปี
- ทารกบางคนเกิดมาพร้อมกับควาดผิดปกติในช่องปาก เช่น ภาวะลิ้นติด หรือริมฝีปากติด (tongue ties, lip ties) ซึ่งอาจทำให้ดูดนมได้ไม่ดี หรือสร้างความเจ็บปวดให้กับมารดาระหว่างให้นมได้ ซึ่งหากได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ก็จะทำให้ทารกดูดนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลกับน้ำหนัก และการเจริญเติบโตของน้องๆ ในอนาคตได้
- คุณควรพาบุตรหลานมาพบคุณหมอ ก่อนหรือเมื่อฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินขวบปีแรก
- โดยทั่วไปฟันซี่แรกจะขึ้นเมื่อทารกมีอายุได้ 6-8 เดือน การรักษาความสะอาดในช่วงก่อนฟันขึ้นทำให้ง่ายๆ ด้วยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดบริเวณเหงือกหลังจากดูดนมอิ่มแล้ว เมื่อฟันเริ่มขึ้นคุณสามารถใช้แปรงสีฟันขนนุ่มขนาดเล็กแปรงเบาๆ ได้
- ในช่วงแรกนี้เด็กๆ จะเริ่มเปลี่ยนจากการดูดนมอย่างเดียวไปเป็นอาหารอ่อนๆ คุณควรเตรียมอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลีกเลี่ยงอาหาร หรือขนมที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจส่งผลต่อฟันรวมถึงสุขภาพโดยรวมของทารก
- ในช่วง 2 ขวบปีแรกของชีวิต เด็กๆ ยังเดินได้ไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ การบาดเจ็บเกี่ยวกับฟันจึงเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย คุณควรรีบพาเด็กๆ มาพบคุณหมอในทันที เนื่องจากหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อฟันแท้ในอนาคตได้
2. ทันตกรรมเด็ก ในวัยเด็กเล็ก (3-5 ปี)
- ในช่วงนี้ฟันน้ำนมจะทยอยขึ้นมาครบทุกซี่ จากสถิติเราพบว่าเกือบครึ่งของเด็กในวัยอนุบาลเริ่มมีฟันผุอย่างน้อย 1-2 ตำแหน่งก่อนจะเริ่มเข้าเรียน เราจึงอยากเน้นย้ำความสำคัญของการแปรงฟัน และการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ให้กับเด็กๆ
- เราแนะนำให้ใช้ยาสีฟันสำหรับเด็กที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ซึ่งมีความเข้มข้นพอเหมาะ บีบไม่ต้องมาก ประมาณเท่าเม็ดถั่วต่อการแปรงฟันหนึ่งครั้งก็พอ ในช่วงนี้เราอยากให้คุณเริ่มใช้ไหมขัดฟันให้กับเด็กๆ ด้วย แม้ว่าเด็กในวัยนี้มักเริ่มอยากทำอะไรด้วยตัวเอง แต่คุณก็ควรช่วยแปรงฟันให้ หมั่นกำชับ และตรวจสอบว่าบุตรหลานของคุณได้ทำความสะอาดช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ และสม่ำเสมอหรือไม่
- พฤติกรรมดูดนิ้ว หรือจุกขวดนม ควรได้รับการแก้ไขเมื่อเข้าถึงวัยนี้ เพราะอาจส่งผลถึงการเจริญเติบโตของฟัน กระดูกใบหน้า และขากรรไกรได้
- การบาดเจ็บต่อฟันพบได้เยอะเช่นกัน หากเกิดอุบัติเหตุคุณควรรีบพาเด็กๆ มาพบคุณหมอ กรณีที่ฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลาที่ฟันแท้จะขึ้น คุณหมออาจจะต้องใส่เครื่องมือพิเศษเพื่อไม่ให้ฟันซี่ข้างเคียงล้มลงมาจนทำให้ฟันแท้ไม่สามารถขึ้นได้
3. ทันตกรรมเด็ก ในวัยประถมถึงมัธยม (6-11 ปี)
- ในวัยนี้ฟันแท้จะเริ่มขึ้นมาทดแทนฟันน้ำนมที่หลุดไป สามารถเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันสูตรของผู้ใหญ่ได้ และคุณสามารถให้เด็กๆ รับผิดชอบการแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันด้วยตัวเอง โดยคุณยังต้องคอยตรวจสอบเป็นระยะได้
- การที่บุตรหลานของคุณไปโรงเรียน จึงทำให้ควบคุมเรื่องอาหารและขนมลำบากมากขึ้น หากไม่ดูแลเรื่องการทำความสะอาดให้ดีก็จะทำให้ฟันผุง่าย การเคลือบหลุมร่องฟันเป็นการรักษาสำคัญที่จะมีส่วนช่วยป้องกันฟันผุได้
- ในบางกรณีหากคุณหมอตรวจพบการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติและอาจส่งผลกระทบต่อฟันซี่อื่นๆ คุณหมออาจแนะนำให้เด็กๆ เริ่มจัดฟันเร็วกว่าปกติ เพื่อแก้ไขและลดโอกาสที่ฟันจะเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ทำให้การจัดฟันในอนาคตมีความซับซ้อนมากขึ้น สามารถอ่านบทความ จัดฟัน เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก!
- หากบุตรหลานของคุณชื่นชอบการเล่นกีฬา คุณควรพามาทำเฝือกใส่ฟัน และแนะนำให้ใส่ขณะเล่นกีฬา เพื่อป้องกันหรือลดการบาดเจ็บต่อฟัน รวมถึงเนื้อเยื่อข้างเคียงในกรณีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
4. ทันตกรรมเด็ก ในเด็กวัยรุ่น (12-16 ปี)
- เมื่อถึงวัยรุ่น ส่วนใหญ่ฟันน้ำนมจะหลุดออกไปเรียบร้อย และฟันแท้จะขึ้นทั้งหมดแล้ว (ยกเว้นฟันกรามบางซี่) ฟันชุดนี้เป็นฟันที่จะอยู่กับบุตรหลานของคุณไปตลอดชีวิต จึงควรได้รับการดูแลอย่างดี ในวัยยนี้คุณจะเริ่มไม่สามารถควบคุมประเภทของอาหาร และการทำความสะอาดช่องปากของเด็กๆ ได้เหมือนเมื่อก่อน การเคลือบหลุมร่องฟันจึงยังมีความสำคัญโดยเฉพาะในฟันกรามซี่ที่เพิ่งขึ้น
- วัยนี้เป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มจัดฟัน เพราะกระดูกขากรรไกรยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต การจัดฟันสามารถแก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติมากๆ ได้ ซึ่งหากรอจนถึงวัยผู้ใหญ่อาจทำได้ยากมากขึ้น หรืออาจมีความจำเป็นต้องจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด
- กีฬาที่บุตรหลานของคุณเล่น อาจมีการกระทบกระทั่งที่สูงขึ้น ผาดโผนมากขึ้น การใช้เฝือกสบฟันเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจึงยิ่งมีความสำคัญ
- ในช่วงปีท้ายๆ ของวัยรุ่น เด็กๆ อาจเริ่มประสบปัญหาของฟันคุดได้เช่นกัน
บริการทันตกรรมเด็ก
เด็กๆ มีความต้องการทางทันตกรรมที่ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ โครงสร้างฟัน ขากรรไกรและช่องปากของเด็กๆ นั้นอยู่ในช่วงเจริญเติบโต และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป้าหมายหลักของทันตกรรมเด็กคือการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางทันตกรรมขึ้นตั้งแต่แรก โดยบริการทันตกรรมเด็กจะมีตั้งแต่มาตราการป้องกันง่ายๆ เช่น การเคลือบหลุมร่องฟัน หรือการเคลือบฟลูออไรด์ ไปจนถึงการรักษาที่ซับซ้อนขึ้นเช่นการอุดฟัน การรักษาคลองรากฟัน หรือแม้แต่ทันตกรรมจัดฟัน
1. การเคลือบหลุมร่องฟัน (Sealant)
การเคลือบหลุมร่องฟัน หรือ Sealant เป็นการรักษาเชิงป้องกันที่สำคัญ และพบว่าสามารถลดฟันผุลงได้เกือบ 80%
Sealant เป็นวัสดุทางทันตกรรมที่มีสีใสคล้ายกับพลาสติก คุณหมอสามารถนำมาทาบนฟันได้ โดยใช้เวลาในการเคลือบเพียง 2-3 นาทีต่อซี่ และ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ เมื่อเซ็ทตัว sealant จะติดแน่นอยู่ที่ด้านบดเคี้ยวของฟัน และทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์ และเศษอาหาร ซึ่งเป็นตัวการของฟันผุ นิยมทำในฟันกราม ซึ่งจะขึ้นชุดแรกเมื่ออายุประมาณ 6 ขวบ และเด็กๆ มักแปรงฟันไปไม่ถึง
2. การเคลือบฟลูออไรด์
การเคลือบฟลูออไรด์ ถือเป็นทันตกรรมป้องกันที่สำคัญในเด็กทุกช่วงอายุ รวมถึงผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน ฟลูออไรด์มีส่วนช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อฟัน ทำให้สามารถต่อสู้กับแบคทีเรีย และกรดที่ทำลายเนื้อฟันได้
นอกจากการการเคลือบฟลูออไรด์โดยทันตแพทย์แล้ว เด็กๆ สามารถรับฟลูออไรด์ได้จากยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ฟันที่แข็งแรงนั้นมีโอกาสผุน้อยกว่ามาก
3. การทำความสะอาด และขูดหินปูน
เด็กๆ ควรได้รับการตรวจสุขภาพฟัน และขูดหินปูนทุก 6 เดือน การขูดหินปูนจะช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์ และหินปูนซึ่งไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยตัวเองที่บ้านโดยเฉพาะในเด็ก
คุณควรพาเด็กๆ เข้ามาพบคุณหมอฟันเด็ก เมื่อฟันซี่แรกขึ้น โดยไม่ควรรอนานเกินกว่า 1 ขวบ โดยการพบคุณหมอในช่วงแรกคุณหมออาจจะยังไม่ได้ขูดหินปูนให้ แต่เป็นการตรวจและคอยเฝ้าระวังปัญหาทางทันตกรรมที่อาจเกิดขึ้นกับฟันของเด็กๆ รวมทั้งเพื่อให้ คุ้นเคยกับการมาพบคุณหมอฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งสามารถลดอาการกลัวหมอฟันลงได้ ทำให้การ ขูดหินปูน หรือการรักษาอื่นๆ ในอนาคตเป็นไปโดยราบรื่นยิ่งขึ้น
4. ถอนฟันน้ำนม
5. การอุดฟันน้ำนม
6. ครอบฟันน้ำนม
โดยทั่วไป ครอบฟัน เป็นทันตกรรมบูรณะที่พบในผู้ใหญ่ได้บ่อยกว่า การทำครอบฟันน้ำนมจะใช้ในกรณีที่ฟันได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หรือโครงสร้างของฟันอ่อนแอ จากการผุ อุบัติเหตุ และใช้ในกรณีที่การรักษาอื่นๆ เช่นการอุดฟันไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูการทำงาน หรือรูปลักษณ์ของฟัน นอกจากนั้นยังใช้ในฟันหลังได้รับการ รักษารากฟัน ไปแล้ว
7. ใส่เครื่องมือกันฟันน้ำนมล้ม
เมื่อฟันหลุดออก ฟันซี่ข้างเคียงอาจล้มลงมาในช่องว่าง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ต้องจัดฟันในอนาคตได้ บางครั้งคุณหมอจึงจำเป็นต้องใส่เครื่องมือพิเศษเพื่อรักษาช่องว่างเอาไว้ให้ฟันแท้มีพื้นที่ในการขึ้นได้อย่างปกติ เครื่องมือกัน ฟันล้ม ในเด็กนั้นทำจากพลาสติกหรือโลหะ ที่ถูกผลิตขึ้นมาให้พอดีกับช่องว่าง และเด็กๆ ก็สามารถปรับตัวให้ชินได้อย่างรวดเร็ว
8. การจัดฟันในเด็ก
ช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่เหมาะสมในการแก้ไขการเรียงตัวของฟัน หรือการสบฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันในเด็กทำได้ง่ายกว่า เสียเวลาน้อยกว่า มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการรอจนกระดูกขากรรไกรเจริญเติบโตเต็มที่ในวัยผู้ใหญ่แล้วค่อยเริ่มการจัดฟัน เด็กๆ มีตัวเลือกทั้งการ จัดฟันแบบโลหะ และการจัดฟันแบบใส ซึ่งทั้งคู่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับบุตรหลานของคุณได้
ทันตกรรมเด็ก vs ทันตกรรมผู้ใหญ่ ต่างกันยังไง
เด็กและผู้ใหญ่มีความต้องการทางทันตกรรมที่แตกต่างกัน ประการแรกคือการให้ความสำคัญกับการดูแลเชิงป้องกัน หรือ Preventive Dentistry สำหรับเด็กแล้ว การดูแลฟันมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันปัญหาทางทันตกรรมไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก สิ่งนี้รวมถึง การปลูกฝังนิสัยในการรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดี เช่น การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ การใช้มาตรการป้องกันต่างๆ เช่น การเคลือบหลุมร่องฟัน (sealant) ในทางตรงกันข้าม การรักษาทางทันตกรรมของผู้ใหญ่มักมุ่งเน้นไปที่การซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การอุดฟัน การครอบฟัน หรือการรักษาคลองรากฟัน
ความแตกต่างอีกประการระหว่างทันตกรรมเด็กและทัตกรรมผู้ใหญ่ คือแนวทางในการรักษาคือ เด็กต้องการวิธีการที่แตกต่างออกไปเนื่องจากฟันและกระดูกขากรรไกรยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต และพัฒนาไม่เต็มที่ ทันตแพทย์เด็กได้รับการฝึกฝนให้ใช้อุปกรณ์ และเทคนิคพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับช่องปากที่เล็กกว่า และฟันที่บอบบางกว่าของเด็ก นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความต้องการทางอารมณ์ และพัฒนาการของเด็ก ซึ่งอาจส่งผลต่อการวางแผนการรักษา
บางครั้งเด็กๆ ยังมีความกลัว และบางครั้งอาจไม่สามารถควบคุม หรือแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมในการทำหัตถการทางทันตกรรมได้ หมอฟันเด็กต้องมีจิตวิทยา และเทคนิคในการดูแล บริหารจัดการ และปรับพฤติกรรมของเด็กๆ เพื่อให้สามารถทำฟันได้สำเร็จ
ท้ายที่สุดคือ ประเภทของปัญหาทางทันตกรรมเด็ก และผู้ใหญ่เผชิญอาจมีความแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เด็กๆ อาจมีโอกาสฟันผุได้ง่ายกว่า เนื่องจากยังแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งอาจรับประทานอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก ส่วนผู้ใหญ่มีแนวโน้มจะเป็นโรคเหงือก ฟันสึก และการบาดเจ็บทางทันตกรรมที่เกี่ยวกับปัจจัยด้านอายุที่มากขึ้น อาหาร หรือพฤติกรรมในการใช้ชีวิต
ทันตแพทย์เด็กมีเทคนิคในการจัดการเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือในการทำฟันอย่างไร?
หมอฟันเด็กมีความเชี่ยวชาญ และมีเทคนิคต่างๆ เพื่อจัดการกับพฤติกรรมของเด็กในระหว่างการรักษาทางทันตกรรม ยกตัวอย่างเช่น
- เทคนิค Tell-Show-Do เป็นวิธีการที่ใช้บ่อยโดยคุณหมอจะใช้เทคนิคนี้เพื่ออธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการทำฟันแบบง่ายซึ่งเด็กๆ สามารถเข้าใจได้ เทคนิคนี้ประกอบด้วยการบอกว่าจะทำอะไร เอาเครื่องมือทันตกรรมให้ดู หลังจากนั้นค่อยเริ่มการรักษา
- เทคนิคให้รางวัล – คุณหมออาจมีรางวัลมาล่อใจ ให้เด็กๆ ร่วมมือในการรักษา โดยรางวัลนี้อาจจะเป็น คำพูดชมเชย สติ๊กเกอร์ ลูกโป่ง หรือของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้
- เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ – คุณหมอจะใช้ดนตรี การเปิดการ์ตูน หรือการเล่าเรื่องเพื่อลดความกลัว และดึงความสนใจให้ออกห่างจากการทำฟัน
- การใช้แก๊สหัวเราะ หรือ Nitrous Oxide – ในบางครั้งคุณหมอจะใช้แก๊สทางการแพทย์ที่เรียกว่า Nitrous Oxide หรือที่รู้จักกันในชื่อแก๊สหัวเราะ เพื่อทำให้เด็กผ่อนคลายลงระหว่างทำฟัน Nitrous Oxide มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สูง หากคุณหมอตัดสินใจจะใช้แก๊สชนิดนี้ คุณจะได้รับการพูดคุยก่อน
- การใช้ยาชา – สำหรับหัตถการที่มีความเจ็บปวดอย่างเช่นการถอดฟัน คุณหมอจะให้ยาชาก่อนเริ่มทำหัตถการ ซึ่งมีทั้งแบบทา และแบบฉีด ซึ่งจะทำให้เด็กๆ ไม่เจ็บขณะทำฟัน
- เทคนิคห่อตัวเด็ก – มักถูกใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย โดยคุณหมออาจมีความจำเป็นต้องห่อและล๊อคตัวเด็กให้อยู่นิ่ง ระหว่างทำฟัน โดยมักใช้บอร์ดกระดาน และผ้าห่อพิเศษ ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับทำหัตถการในเด็ก
ค่าบริการทันตกรรมเด็ก
การรักษา | ค่าบริการ |
เคลือบฟลูออไรด์ | 600-700 |
ขูดหินปูน ขัดฟัน และเคลือบฟลูออไรด์ | 800-1,200 |
เคลือบหลุมร่องฟัน (ซี่ละ) | 600 |
อุดฟันน้ำนม ด้านละ (ต่อไปเพิ่มด้านละ 400-500) | 800-900 |
ถอนฟันน้ำนม | 400-700 |
รักษารากฟันน้ำนม | 2,500-3,000 |
ครอบฟันน้ำนม | 3,000-3,500 |
เครื่องมือป้องกันฟันล้ม | 3,500-4,000 |
แพคเกจทันตกรรมเด็ก
ให้น้องๆ สุขภาพฟันดี ยิ้มสวย ไร้ฟันผุด้วยแพคเกจทันตกรรมเด็กราคา 3,500 บ.
- เฉพาะเด็กอายุไม่เกิน 12 ขวบ
- เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ เหลือราคา 2,700 (โดยตัดรายการขูดหินปูนออก เนื่องจากฟันแท้จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 ขวบขึ้นไป)
- เพื่อให้น้องๆ ได้มีเวลาปรับตัว คุ้นชินกับการทำฟัน แพ็คเกจนี้จึงสามารถทะยอยทำได้นานถึง 1 ปี
- ดูแลโดยทันตแพทย์เฉพาะทางเด็ก
เลือกคลินิกหมอฟันเด็กที่ไหนดี
- เลือกคลินิกทำฟันเด็กที่ได้มาตรฐาน ทันตแพทย์มีความเชี่ยวชาญ จบเฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
- เลือกคลินิกทำฟันเด็กที่สะอาด ปลอดภัย และดูน่าเชื่อถือ
- เลือกคลินิกทันตกรรมเด็กที่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก
- เลือกคลินิกที่คุณหมอฟันเด็กใจดี มือเบา ใจเย็น
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทันตกรรมเด็ก
ควรพาลูกไปหาหมอฟันเด็กครั้งแรกตอนไหน ?
คุณควรพาน้องๆ มาพบคุณหมอเมื่ออายุครบ 6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น หรืออย่างน้อยภายในขวบปีแรก
จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการมาพบคุณหมอในครั้งแรก ?
การมาพบคุณหมอฟันเด็กในครั้งแรก คุณหมอจะตรวจช่องปากและฟันอย่างละเอียดเพื่อค้นหาปัญหาทางทันตกรรมเด็กที่อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษา คุณหมอจะทำความสะอาดฟัน และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กๆ ในกับคุณอีกด้วย
ฟลูออไรด์จำเป็นไหม ?
ฟลูออไรด์มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน และต่อต้านฟันผุได้ การเคลือบฟลูออไรด์ และการเลือกใช้ยาสีฟันที่มีความเข้มข้นของฟลูออไรด์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กๆ
การ X-ray ฟัน มีผลเสียต่อเด็กไหม ?
ปริมาณรังสีที่ได้รับจากการเอ็กเรย์ฟันนั้นต่ำมาก จนไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ กับบุตรหลานของคุณ อย่างไรก็ตามคุณหมอก็จะพิจารณาส่งเอ็กซเรย์ตามความจำเป็นและความเหมาะสม
จะช่วยให้เด็กๆ ผ่อนคลายได้อย่างไร เมื่อมีนัดกับคุณหมอฟัน ?
มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้เด็กๆ รู้สึกสบายใจระหว่างการนัดหมายกับคุณหมอฟัน เช่น การอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่อยู่บนเตียงทำฟัน นำของเล่น หรือตุ๊กตาที่เด็กๆ ชอบมาด้วย ให้คำชื่นชม และรางวัล เมื่อน้องๆ ให้ความร่วมมือในการทำฟันเป็นอย่างดี
ควรพาลูกไปพบหมอฟันเด็กบ่อยแค่ไหน ?
ควรพาเด็กๆ ไปพบหมอฟันเด็กทุกๆ 3-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพช่องปากของน้องๆ หากมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุสูง อาจต้องพบคุณหมอบ่อยขึ้น
สรุปทันตกรรมเด็ก
เด็กมีความต้องการพิเศษทางทันตกรรมเด็กที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ โดยเน้นหนักในเรื่องการดูแลเชิงป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางทันตกรรมตั้งแต่แรก การตัดสินใจและวางแผนการรักษาก็แตกต่างเพราะฟันและกระดูกยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต
- Pedodontics | Definition & Practice., Available from: https://www.britannica.com/science/pedodontics
- Pediatric dentistry., Available from: https://en.wikipedia.org/wiki/Pediatric_dentistry
- My Children’s Teeth., Available from: https://www.mychildrensteeth.org/
- Department of Pediatric Dentistry – คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล., Available from: https://dt.mahidol.ac.th/en/department-of-pediatric-dentistry/
- What Is a Pediatric Dentist?., Available from: https://www.webmd.com/a-to-z-guides/what-is-a-pediatric-dentist
- What is Pediatric Dentistry?., Available from: https://www.news-medical.net/health/What-is-Pediatric-Dentistry.aspx
บทความโดย
ทพญ.พิชารัตน์ เดชะชาติ
ปริญญาโท สาขาทันตกรรมสำหรับเด็ก ม.มหิดล
ประกาศนียบัตรทันตกรรมจัดฟัน K-9 Orthodontic Center
ทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดล