จัดฟันมีกี่แบบ ? ต้องเลือกแบบไหน พร้อมบอกข้อดี-ข้อเสียแบบหมดเปลือก
จัดฟันมีกี่แบบ ? คุณเคยเห็นฟันตัวเองในกระจก และอยากยิ้มให้สวยขึ้นหรือไม่? คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่สนใจจะสร้างรอยยิ้มที่สวยงาม มั่นใจ และสุขภาพดีให้กับตัวเองด้วยการจัดฟัน ปัจจุบันจัดฟันมีหลายรูปแบบ ทั้งการจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบเซรามิก การจัดฟันแบบดามอน และการจัดฟันแบบใส
สิ่งสำคัญคือคุณต้องเรียนรู้และเข้าใจประเภทของการจัดฟันที่มีอยู่ทั้งหมด บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจว่าจัดฟันมีกี่แบบ และจะพาคุณไปรู้จักกับการจัดฟันในแต่ละประเภทว่ามีข้อดีข้อเสีย รวมถึงค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร เพื่อที่คุณจะสามารถเลือกรูปแบบการจัดฟันที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มอ่านกันเลย
จัดฟันมีกี่แบบ ?
จัดฟันมีกี่แบบกันแน่ ? เช่นเดียวกับการรักษาทางทันตกรรม และการแพทย์อื่นๆ องค์ความรู้และเทคโนโลยีได้รุดหน้าไปมาก ทำให้ตัวเลือกในการจัดฟันเพิ่มมากขึ้น โดยคุณสามารถแบ่งจัดฟันออกมาเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบติดแน่นซึ่งประกอบไปด้วย การจัดฟันแบบโลหะ จัดฟันแบบเซรามิก และจัดฟันแบบดามอน ส่วนอีกประเภทจะเป็นการจัดฟันที่สามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาด หรือระหว่างรับประทานอาหารได้ ซึ่งในที่นี้ก็คือจัดฟันใสทุกแบบ
จัดฟันแบบโลหะ
สำหรับคำถามจัดฟันมีกี่แบบ ? เรามาลองดูแบบแรกกันก่อนเลยดีกว่า
ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ
- มักมีราคาถูกที่สุด คลินิกส่วนใหญ่มีโปรโมชั่นสำหรับผ่อนชำระทำให้เข้าถึงได้ง่ายที่สุด
- คุณหมอฟันคุ้นเคย แทบทุกคลินิกมีให้บริการ
- มีความยืดหยุ่นในการเคลื่อนฟัน คุณหมอมีอุปกรณ์ช่วยหลายอย่างทำให้สามารถใช้ในเคสที่ฟันเรียงตัวซับซ้อนได้
- สามารถเลือกเปลี่ยนสีโอริงได้ทุกเดือน
ข้อจำกัดของการจัดฟันแบบโลหะ
- ทำความสะอาดได้ยาก เพราะมีเครื่องมือติดแน่นอยู่บนผิวหน้าฟัน
- มีความเสี่ยงกับฟันผุ กลิ่นปาก และปัญหาทางทันตกรรมอื่นๆ
- มักจะเจ็บ โดยเฉพาะ 3-4 วันหลังติดเครื่องมือ หรือปรับเครื่องมือจัดฟัน
- อุปกรณ์จัดฟันสามารถก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อกระพุ้งแก้ม ทำให้เกิดแผล หรือร้อนในได้ง่าย
- ต้องมาพบคุณหมอเพื่อปรับเครื่องมือทุกเดือน
- การเห็นเครื่องมือจัดฟันที่เป็นโลหะเวลายิ้ม หรือพูด อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพของคุณได้
ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะ
- พบคุณหมอครั้งแรกเพื่อซักประวัติ และตรวจช่องปาก ขั้นตอนนี้อาจรวมการพิมพ์ปากเพื่อสร้างโมเดลสำหรับใช้วางแผนการจัดฟัน และเอ็กซเรย์ช่องปากด้วย
- เคลียร์ช่องปากคือการ ขูดหินปูน อุดฟันผุ ผ่าฟันคุด เพื่อเตรียมสุขภาพช่องปากให้อยู่ในสภาพพร้อมก่อนขั้นตอนถัดไป
- ติดเครื่องมือจัดฟัน โดยคุณหมออาจจะติดฟันบนก่อน แล้วค่อยนัดมาติดฟันล่างในครั้งไป หรืออาจติดไปพร้อมกันในทีเดียวก็ได้
- ปรับเครื่องมือจัดฟัน และเปลี่ยนยางโอริงทุกเดือน
- ถอดเครื่องมือจัดฟัน ขัดกาว และทำรีเทนเนอร์
จัดฟันแบบโลหะ เหมาะกับใคร
- จัดฟันแบบโลหะ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
- คนขี้เบื่อที่ไม่กังวลว่าจะมีเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะอยู่ที่ฟัน และอยากเปลี่ยนลุคด้วยการเลือกสียางโอริงใหม่ในทุกเดือน
- มีเวลามาพบคุณหมอฟันเพื่อปรับเครื่องมือจัดฟันในทุกเดือน
- ผู้ที่มีสภาพการเรียงตัวของฟันที่ซับซ้อน ซึ่งคุณหมอพิจารณาแล้วว่าอาจได้ประโยชน์จากการจัดฟันแบบโหละ ที่มีอุปกรณ์ช่วยอย่างเช่น การดึงยาง การปักหมุด เครื่องมือกันลิ้น
จัดฟันแบบใส
ข้อดีของการจัดฟันแบบใส
- ไม่รบกวนรูปลักษณ์ และบุคลิกภาพของคุณ เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันนั้นใส จนแทบมองไม่ออกว่ากำลังจัดฟันอยู่
- ทำความสะอาดได้สะดวกกว่า – เนื่องจากคุณสามารถถอดเครื่องมือจัดฟันใสออกขณะแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน ทำให้คุณรักษาสุขอนามัยช่องปากได้ดี และประหยัดเวลามากกว่า
- ลดโอกาสการเกิดฟันผุ ปัญหากลิ่นปาก และโรคทางทันตกรรมอื่นๆ
- รับประทานอาหารได้หลากหลาย – ถือเป็นข้อดีอีกอย่างของความสามารถในการถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับจานโปรดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเศษอาหารไปติดเครื่องมือจัดฟัน หรือเครื่องมือจัดฟันเสียหายจากอาหารที่ทาน
- ประหยัดเวลา – คุณหมอจะให้เครื่องมือจัดฟันใสกับคุณมาหลายชุด เพื่อเปลี่ยนทุก 2 สัปดาห์ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปพบคุณหมอบ่อยๆ ประหยัดเวลาอันมีค่าของคุณ
- จัดฟันเสร็จเร็ว – เราพบว่าการจัดฟันใส สามารถทำให้คุณจัดฟันเสร็จเร็วกว่าการจัดฟันแบบโลหะได้
- เจ็บน้อยกว่าเพราะไม่มีเครื่องมือจัดฟันบนฟันไปก่อให้เกิดการระคายเคืองกับกระพุ้งแก้ม
ข้อจำกัดของการจัดฟันแบบใส
- การจัดฟันแบบใส ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการออกแบบและผลิตเครื่องมือจัดฟันให้พอดีสำหรับคุณ ทำให้มักมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการจัดฟันประเภทอื่นๆ
- เพื่อให้การจัดฟันได้ผล คุณต้องใส่เครื่องมือจัดฟันใสอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง เรียกว่าสามารถถอดได้เฉพาะตอนทำความสะอาด และรับประทานอาหารเท่านั้น คนไข้จึงจำเป็นต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือจัดฟัน จึงอาจไม่เหมาะกับคนไข้ดังต่อไปนี้
- คนไข้ที่มีประวัติไม่ให้ความร่วมมือกับการจัดฟัน
- คนไข้ที่จัดฟันซ้ำหลายรอบ
- เด็กๆ ที่อายุน้อย
- คนไข้ที่มีภาวะพิเศษ เช่น Down Syndrome, โรคสมาธิสั้น (ADHA), พาร์กินสัน ฯลฯ
- การจัดฟันแบบใสมีข้อจำกัดในเคสที่มีความซับซ้อนสูงมาก ฉะนั้นในบางกรณีที่่ฟันเรียงตัวผิดปกติมากๆ คุณหมออาจแนะนำให้เลือกการจัดฟันชนิดอื่น
ขั้นตอนการจัดฟันใส
- พบคุณหมอครั้งแรก เพื่อตรวจช่องปาก รับคำปรึกษาถึงตัวเลือกต่างๆ ในการจัดฟัน
- เคลียร์ช่องปาก เอ็กซเรย์ และสแกนฟัน 3 มิติ ด้วยเครื่อง intraoral scanner เพื่อเก็บข้อมูลไปใช้วางแผนการจัดฟัน
- คุณหมอจะวางแผนการจัดฟัน โดยมีตัวช่วยเป็นโปรแกรมที่ชาญฉลาด คุณจะได้เห็นฟันของคุณเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นยันเสร็จสิ้นการจัดฟัน คุณสามารถร่วมมือกับคุณหมอเพื่อปรับเปลี่ยนผลลัพธ์ในการจัดฟันได้
- รับเครื่องมือจัดฟันซึ่งถูกผลิตขึ้นมาให้พอดีกับฟันของคุณคนเดียวเท่านั้น คุณจะใส่เครื่องมือจัดฟันประมาณ 2 อาทิตย์ และเปลี่ยนชุดไปเรื่อยๆ จนกว่าการจัดฟันจะเสร็จ
จัดฟันแบบใสเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีความกังวล หรือความจำเป็นที่ต้องคงรูปลักษณ์ที่ดีมีความเป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา
- ผู้ที่มีเวลาน้อย เดินทางบ่อยๆ หรือมีเหตุที่ไม่สามารถมาพบคุณหมอได้ทุกเดือน
- มีความพร้อมและสามารถให้ความร่วมมือในการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง
1. จัดฟันแบบใส ดี-aligner
จัดฟันแบบใส d-aligner เป็นการจัดฟันแบบใหม่ ซึ่มีราคาไม่แพง ใช้เทคโนโลยี และระบบการวางแผนจากอเมริกา คลินิกสามารถผลิตอุปกรณ์จัดฟันขึ้นมาเองได้ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ทันสมัย ทำให้คุณสามารถจัดฟันใสได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณหมอประจำตัวคอยดูแล และให้คำปรึกษาจนจัดฟันเสร็จ
2. จัดฟันแบบใส invisalign
จัดฟันแบบใส Invisalign เป็นระบบจัดฟันแบบใสที่แพร่หลายมากที่สุดในโลก มีจำนวนคนไข้มากถึง 12 ล้านคน ถือเป็นมาตรฐานในการจัดฟัน ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเริ่มต้นที่ 69,000 บ. สำหรับ invisalign Express ซึ่งจำกัดเวลารักษาอยู่ที่ 6 เดือน ราคาของ invisalign จะขึ้นอยู่กับจำนวนขั้นของการจัดฟัน
จัดฟันแบบดามอน
ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน
- จัดฟันแบบดามอน มีลักษณะพิเศษที่สามารถล๊อคลวดจัดฟันได้โดยไม่ต้องใช้ยางโอริงมารัด ทำให้ลวดสามารถเคลื่อนที่ในแนวซ้ายขวาได้อย่างอิสระ หรือเรียกว่าระบบ ‘self-ligating system’
- รักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า เศษอาหารติดน้อยกว่าเนื่องจากไม่ต้องพึ่งยางโอริง
- สามารถขยายความกว้างของขากรรไกรได้ ทำให้ลดโอกาสที่จะต้องถอนฟันร่วมกับการจัดฟันลง
- ฟันจะเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลอยู่ตลอดเวลา เมื่อเปรียบเทียบกับจัดฟันแบบโลหะ จะเจ็บน้อยกว่า แถมยังจัดฟันเสร็จไวกว่า
- สามารถเลือกเปลี่ยน bracket เป็นสีใสได้ โดยจะเรียกว่าดามอนเคลียร์ (Damon clear)
ข้อจำกัดของการจัดฟันแบบดามอน
ขั้นตอนการจัดฟันแบบดามอน
จัดฟันแบบดามอน เหมาะกับใคร
จัดฟันแบบเซรามิก
ข้อดีของการจัดฟันแบบเซรามิก
ข้อจำกัดของการจัดฟันแบบเซรามิก
ขั้นตอนการจัดฟันแบบเซรามิก
เหมือนกันกับการจัดฟันแบบโลหะ
จัดฟันแบบเซรามิกเหมาะกับใคร
เนื่องจากใช้หลักการเดียวกับกับการจัดฟันแบบโลหะ จึงสามารถใช้ในผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนได้ดี เหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณเพิ่มขึ้นมาสักหน่อย มีเวลาไปพบคุณหมอทุกเดือน และยังอยากสามารถเปลี่ยนสียางได้ สำหรับคนที่ชอบความเรียบร้อยก็เลือกสีขาว แต่หากอยากเปลี่ยนลุคก็สามารถเลือกสีอื่นๆ ได้เช่นกัน
ควรจัดฟันแบบไหนถึงดี และเหมาะกับคุณมากที่สุด ?
- ปรึกษาคุณหมอ – วิธีที่ดีที่สุดในการพิจารณาระบบการจัดฟันว่าแบบใดเหมาะกับคุณคือการทำนัดเข้าไปปรึกษากับคุณหมอ เราสามารถประเมินความต้องการทางทันตกรรมของคุณ และแนะนำแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณได้
- ค่าใช้จ่าย – ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา หากคุณมีงบประมาณจำกัด การจัดฟันแบบโลหะ มักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในขณะที่ระบบซึ่งใหม่กว่าเช่น การจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบดามอนอาจมีราคาที่สูงกว่า
- ผลกระทบต่อรูปลักษณ์ – หากคุณกังวล หรือมีความจำเป็น ไม่อยากให้ยิ้มแล้วเห็นเครื่องมือจัดฟัน คุณควรพิจาณาเครื่องมือจัดฟันแบบใส หรือแบบเซรามิก ซึ่งเป็นที่สังเกตได้น้อยกว่าเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะทั่วไป
- ระยะเวลาการรักษา – ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระบบการจัดฟันที่เลือก การจัดฟันรุ่นใหม่ เช่น การจัดฟันแบบใส หรือการจัดฟันแบบดามอน มักได้ผลเร็วกว่า แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นกับความรุนแรงของปัญหาทางทันตกรรมของคุณด้วย
- การดูแลรักษา – ระบบจัดฟันที่แตกต่าง ย่อมมีการดูแลที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ต้องใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสอย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นก็จำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดเพิ่มเติม
- ความสบาย – การจัดฟันแบบใสมักจะเจ็บน้อยกว่าการจัดฟันแบบติดแน่น เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์จัดฟันติดแน่นอยู่ที่ผิวฟัน เนื้อเยื่อข้างเคียงจึงถูกรบกวนน้อยกว่า
การจัดฟันแบบไหน เป็นที่นิยมมากที่สุด ?
จัดฟันมีกี่แบบ แล้วจัดฟันแบบไหนได้รับความนิยมมากที่สุด? เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าการจัดฟันแบบไหนได้รับความนิยมมากที่สุด แน่นอนว่าการจัดฟันแบบโลหะเป็นชนิดที่มีจำนวนคนไข้มากที่สุด เนื่องจากมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย คลินิกทันตกรรมทั่วไปก็คุ้นเคยสามารถให้การรักษาได้ แต่ปัจจุบันการจัดฟันแบบใส เช่น ดี-aligner ก็มีค่าใช้จ่ายที่่ไม่แพง คนไข้จำนวนมากจึงหันไปเลือกการจัดฟันแบบใส
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการจัดฟันชนิดไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน คนไข้แต่ละคนมีลักษณะทางคลินิก และความต้องการที่แตกต่างกัน ที่ Smile Seasons คุณหมอจะช่วยแนะนำประเภทของการจัดฟันที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณได้
จัดฟันแบบไหนเร็วที่สุด ?
- ความซับซ้อนของการเรียงตัวของฟัน – แน่นอนว่าลักษณะทางคลินิกที่ยากและซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ไขมากกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของเวลาที่ต้องใช้ในการจัดฟัน
- ชนิดของการจัดฟันที่ใช้ – โดยทั่วไปแล้ว การจัดฟันระบบใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในภายหลัง เช่น การจัดฟันใส หรือ การจัดฟันแบบดามอน จะทำให้จัดฟันเสร็จเร็วกว่าการจัดฟันแบบโลหะซึ่งเป็นระบบดั้งเดิม
- ความร่วมมือในการรักษา – ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกประการ หากเลือกจัดฟันแบบโลหะคุณควรไปพบคุณหมอตามนัด เกี่ยวยางดึงฟันหากคุณหมอขอความร่วมมือ กรณีจัดฟันใสคุณก็ต้องใส่เครื่องมือจัดฟันอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง หากคุณผิดนัดบ่อยๆ หรือไม่ปฎิบัติตามคำแนะนำก็จะทำให้การจัดฟันไม่เป็นไปตามแผนการรักษา และจัดฟันเสร็จช้ากว่าที่ควรจะเป็น
คำถามที่พบบ่อย
1. จัดฟัน ราคาเท่าไหร่ ?
การจัดฟันมีราคาแตกต่างกันตามสภาพฟันและสุขภาพช่องปากของคุณ ที่ Smile Seasons การจัดฟันแบบโลหะมีราคาถูกที่สุด โดยโปรโมชั่นคือ ติดเครื่องมือจัดฟัน 999 x2 ครั้ง หลังจากนั้นปรับเครื่องมือเพียงเดือนละ 1,500 บ.
การจัดฟันแบบดามอน มีค่าพิมพ์ปาก 1,000 ติดเครื่องมือจัดฟัน 12,000 และปรับเครื่องมือ 2,500 x22 เดือน (ดามอน) หรือ 2,700 x22 เดือน (ดามอนเคลียร์ – อุปกรณ์สีใส)
การจัดฟันแบบใส ดี-aligner มีราคาเริ่มต้นเพียง 39,999 ผ่อนชำระ 0% x10 เดือน สำหรับ 12 คู่แรก ส่วนการจัดฟันแบบ invisalign เริ่มต้นที่ 49,000 ผ่อนชำระ 0% x10 เดือนเช่นกัน
2. จัดฟันช่วยให้หน้าเรียวจริงหรอ ?
การจัดฟันอาจทำให้โครงหน้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเมื่อมีการถอนฟันร่วมกับการจัดฟัน ความอูมของปากเมื่อมองจากทางด้านข้างจะลดลง ทำให้คางและจมูกดูชัดขึ้น นอกจากนั้นระหว่างจัดฟันคนไข้มักเคี้ยวอาหารได้ลดลง ทำให้กล้ามเนื้อบดเคี้ยวทำงานน้อยตาม แก้มจึงดูเรียวกว่าปกติซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
3. สามารถจัดฟันได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?
ช่วงอายุที่เหมาะสมในการจัดฟันคือวัยรุ่น หรือตั้งแต่มีฟันแท้ขึ้นครบ โดยเฉลี่ยอายุประมาณ 12-15 ปี อย่างไรก็ตามเด็กเล็ก ตั้งแต่ 6 ปีก็สามารถจัดฟันได้ หากมีข้อบ่งชี้ทางคลินิก
4. เลือกคลินิกจัดฟัน จากอะไรดี ?
เลือกคลินิกที่มีคุณหมอที่เชี่ยวชาญ มีความหลากหลายของรูปแบบการจัดฟันให้เลือก ราคาสมเหตุสมผลไม่แพงเกินไป แต่ก็ไม่ได้มีราคาถูกจนผิดปกติน่าสงสัย สามารถเดินทางได้สะดวก มีรีวิว ที่ดีจากคนไข้รายอื่นๆ ลองเข้าไปปรึกษาคุณหมอแล้วพอใจ
บทความโดย
ทพ.สาริศ บุณยพิพัฒน์
Certificate of Training Orthodontic – Advance Orthodontic Society
ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย